วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โครงการพี่จากบุรีรัมยพิทยาคมสอนน้อง

ระหว่างน้องหญิง - ชายจากร.ร.วัดหลักศิลาใครจะเร็วกว่ากัน

เต้นให้เหมือนพี่นะน้องจ๋า
หางเครื่อง ม.ต้น จาก บุรีรัมย์พิทยาคม (เต้นให้ถูกจังหวะคุณครูดูอยู่นะ)
นี่ภาพอะไรคะทราบไหมเอ่ย
พี่สอนหนูอ่าน  ใครอ่านไม่ได้ยกมือหน่อยค่ะ

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมเด่นของโรงเรียน

นักเรียนช่วงชั้นที่ 1 ได้เหรียญเงิน การแข่งขันแอโรบิค ระดับ สพท.บร.4


นักเรียนช่วงชั้นที่  2  ได้เหรียญทองการแข่งขันแอโรบิค ระดับ สพท.บร.4

เป็นตัวแทนอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ ไปแข่งขันระดับจังหวัดบุรีรัมย์
         
ชนะเลิศ แข่งขันแอโรบิคแดนซ์ ระดับอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เยี่ยมบ้านนักเรียน

เยี่ยมบ้าน ด.ญ.อรวี  สวัสดี  นักเรียนอนุบาลปีที่  2 
เยี่ยมบ้าน ด.ช.ชินวัตร  นมัสศิลา
เยี่ยมบ้าน ด.ญ.อรสา    มัธปะโม  นักเรียนอนุบาลปีที่ 2

ผลงานที่ภาคภูมิใจ

รับเกียรติบัตร ผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดับ ดีมาก  โครงการครูดีในดวงใจ ครั้งที่ 7 
ของ สพฐ. ปี 2553  มอบโดย นายอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์  เมื่อวันครู  16  มกราคม  2553
รับเกียรติบัตร"ครูต้นแบบการพัฒนาห้องเรียนคุณภาพ การศึกษาปฐมวัย" ปีการศึกษา2551
จาก  สพท.บุรีรัมย์  เขต  4   เมื่อวันครู   16  มกราคม  2552 
มอบโดยนายอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์  จังหวัดบุรีรัมย์

เกม "บัวตูมบัวบาน"

(คำสั่ง)  "บัวตูม"
(คำสั่ง) "บัวบาน"
(คำสั่ง)  "บัวลอยน้ำ"
(คำสั่ง)  "บัวเหี่ยว"
สรุปการเล่นเกมจากหนังสือนิทานประกอบภาพ

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิสัยทัศน์ - นโยบาย - พันธกิจ

วิสัยทัศน์ของโรงเรียน
ภายในปี 2553 - 2555 โรงเรียนร่วมกับชุมชนพัฒนาการศึกษาควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม นำเทคโนโลยีมาพัฒนาการเรียนการสอน นักเรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการศึกษา และประกันคุณภาพการศึกษาทุกด้าน

นโยบายโรงเรียนวัดหลักศิลา
1.ปรับปรุงคุณภาพและ ประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาของโรงเรียน
2.ปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3.สนับสนุนส่งเสริมให้ครูพัฒนาตนเองจัดทำผลงานผลิตสื่อและใช้สื่อ
4.จัดสภาพแวดล้อมให้น่าดู น่าอยู่ น่าเรียน
5.หาทุนสนับสนุนนักเรียนขาดแคลน
6.ปลูกฝังวินัย คุณธรรม จริยธรรม ไห้แก่นักเรียนและบุคลากร
7.ให้ความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาท้องถิ่น
8.สนับสนุนดำเนินงานตามนโยบายของราชการ

พันธกิจ
1.โรงเรียนและชุมชนร่วมมือกันส่งเด็กเข้าเรียนแต่ระดับชั้นทุกคน
2.โรงเรียนและชุมชนร่วมมือกันจักทำหลักสูตรของสถานศึกษา
3.พัฒนาคุณภาพที่มุ่งให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางโดยสอดแทรกคุณธรรม
4.โรงเรียนและชุมชนร่วมมือกันพัฒนาการศึกษา
5.โรงเรียนมีการประเมินตามสภาพที่แท้จริงโดยจัดทำแฟ้มผลงาน ครู และนักเรียน
6.จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน นักเรียนความปลอดภัยและห่างไกลยาเสพติด

หลักสูตรท้องถิ่น

พี่ ป.4 - ป.6  ช่วยกันดำนา
ร่วมด้วยช่วยกัน
น้อง ๆ อนุบาลก็อยากช่วยค่ะ
หนูอยากช่วยค่ะ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปรัชญาของโรงเรียน

การจัดการศึกษาจะสำเร็จได้ด้วยครูมืออาชีพที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ชุมชนร่วมแก้ไขปรับปรุงพัฒนา

ประวัติโรงเรียนวัดหลักศิลา

ประวัติการก่อตั้ง
พ.ศ.2484 ทางราชการได้ก่อตั้งโรงเรียนวัดหลักศิลาขึ้นโดยนายยอด อ่อนโอภาส นายอำเภอพุทไธสง เดิมชื่อโรงเรียนประชาบาลตำบลหนองแวง 5(วัดหลักศิลา)ใช้ศาลาวัดหลักศิลา บ้านหินตั้ง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ (ในสมัยนั้น)เป็นสถานที่เรียน
พ.ศ.2502 ได้ย้ายมาอยู่ในที่ดินที่ชาวบ้านจับจองไว้และบริจาคเพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1พฤษภาคม 2502
สภาพปัจจุบัน
ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ที่ 13 บ้านหลักศิลา ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทางห่างจากจังหวัดบุรีรัมย์ 75 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ 12 กิโลเมตร ห่างจากเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 4 จำนวน 11กิโลเมตร มีเนื้อที่ 10 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวา เป็นที่ราชพัสดุ
การคมนาคม ถนนลาดยางเชื่อมถึงโรงเรียนมี 3 เส้นทาง คือ
ถนนสายอำเภอพุทไธสง – อำเภอประทาย
ถนนสายอำเภอพุทไธสง – อำเภอหนองสองห้อง
ถนนสายบ้านหลักศิลา - อำเภอนาโพธิ์
ผู้บริหาร ผู้บริหารคนแรกคือ นายสร่าง ช่วงรัมย์ ตำแหน่งครูใหญ่
ผู้บริหารคนปัจจุบันคือนาย ประหยัด เดี่ยวไธสง ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน
หมู่บ้านในเขตบริการ หมู่บ้านในเขตบริการมี 2 หมู่บ้าน คือ
1. บ้านหินตั้ง หมู่ที่ 11 ผู้ใหญ่บ้าน คือ นายโสดา น้อยมณี
2. บ้านหลักศิลา หมู่ที่ 13 ผู้ใหญ่บ้าน คือ นายชัชวาลย์ วาวไธสง
การเรียนการสอน
โรงเรียนวัดหลักศิลาเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลปีที่ 1–2 และชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1–6
คำขวัญของโรงเรียน เรียนดี มีวิชา ใจกตัญญู รู้งาน
คติธรรมประจำโรงเรียน สิกขา ปัญญา ยะตะนัง การศึกษาเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา
สีประจำโรงเรียนวัดหลักศิลา ชมพู - เหลือง

โรงเรียนวัดหลักศิลา

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวนครนายก

ทางเข้าค่ะ
นี่แหละน้ำตก
เก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน
ภายในวังตะไคร้
นี่ก็หลักฐานว่าไปจริง
ยื่นเก็บภาพหน้าเขื่อนค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เกร็ดความรู้

สรรพคุณมะตูม


ส่วนผสม : มะตูมแห้ง 7 แผ่น น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย น้ำสะอาด 7 ถ้วย

วิธีทำ : ล้างมะตูม ปิ้งไฟให้หอม ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่มะตูม ที่ปิ้งใช้ไฟอ่อน

ต้มประมาณ 30 นาที ตักมะตูมขึ้น ใส่น้ำตาล พอน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลง กรองด้วย

ผ้าขาวบางทิ้งไว้ ให้เย็น เสิร์ฟกับน้ำแข็ง

ประโยชน์ : ผลอ่อน บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับผายลม ผลแก่ แก้เสมหะ บำรุงธาตุไฟ

ย่อยอาหารให้ละเอียด ผลสุก แก้ลมเสียดในท้อง แก้มูกเลือด และแก้กระหายน้ำ เปลือกราก

ลำต้น แก้ไข้จับสั่น ขับลมในลำไส้ ราก แก้พิษฝี พิษไข้ รักษาน้ำดี


น้ำตะไคร้


คุณค่าทางโภชนาการ »

ตะไคร้มีสรรพคุณทางยามากในทางช่วยอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด

นอกจากนั้น ตะไคร้ ยังสามารถช่วยขับเหงื่อได้ดีอีกด้วย และช่วยขับปัสสาวะได้เป็นอย่างดี

วัตถุดิบที่ใช้ »

ตะไคร้ทั้งต้นและใบรวมกัน 5 ต้น

น้ำสะอาด 1 ลิตร

น้ำตาลทราบแดง 1 ถ้วยตวง

เกลือป่น 1-2 ช้อนชา

วิธีทำ »

จัดการเอาต้นตะไคร้ทั้งรากทั้งใบทำความสะอาด ต่อจากนั้นเอามาทุบให้แตก

ตัดเป็นท่อนๆ ใส่ลงไปในหม้อต้มใส่น้ำ 1 ลิตร ต้มไปจนเดือดแล้วใช้ไฟอ่อน

เคี่ยวให้น้ำตะไคร้มาปนกับน้ำมากๆจนเห็นเป็นสีเขียว ใส่เกลือป่นกับน้ำตาลแล้ว แต่ความชอบ


แนะนำสมุนไพรฮว่านง็อก หรือว่านพญาวานร


สมุนไพรฮว่านง็อก

เป็นต้นสมุนไพรถือกำเนิดในประเทศเวียดนามผู้นำเข้ามาใช้เป็นกลุ่มทหารผ่านศึกสมัยสงครามเวียดนามกระถางแรกมีราคาถึง 70,000 บาท (เจ็ดหมื่นบาท) นำมากินใบสด ๆ แก้โรคต่าง ๆ มากมายและเห็นผลเร็ว รู้จักกันในรุ่นของทหารผ่านศึกรุ่นนั้นรุ่นเดียวผู้เขียนได้ข้อมูลและมีความสนิทชิดชอบกับทายาทของนายทหารผู้นั้น ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม (ปัจจุบันอายุ 68 ปี) จึงได้ถามประวัติความเป็นมา การใช้และสรรพคุณซึ่งท่านใช้ รักษาอาการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัวท่าน เช่น ภรรยาของท่านเป็นเบาหวานกินใบสมุนไพรฮว่านง็อกไม่นานก็หายซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดต่อไป

ลักษณะของต้น

เป็นต้นไม้ชนิดใบอ่อนปลายแหลม ส่วนล่างของใบจะหยาบสีเขียวเข้ม ด้านบนสีเขียวอ่อนเป็นต้นไม้ที่มีใบมากสักหน่อย แตกกิ่งก้านทรงพุ่มได้ดีการขยายพันธุ์เพียงตัดยอดปักชำลงดินก็เกิดรากตั้งตัวได้เร็ว ย้ายลง ปลูกในกระถางใส่ปุ๋ยพรวนดินรดน้ำก็จะเจริญงอกงาม

วิธีใช้

ส่วนสำคัญคือ ใบใช้เคี้ยวกินสด ๆ หรือคั้นและกรองเอาน้ำข้น ๆ รับประทานหรือต้มเป็นน้ำแกงรับประทานก็ได้ ส่วนเปลือกและรากไม้สามารถต้มกลั่นเป็นสุราได้ด้วย ใบไม้ไม่มีกลิ่นและรส สามารถต้มเอาน้ำใส ๆ ดื่ม ได้ส่วนการรับประทานมากหรือน้อย อยู่ที่ธาตุ หนัก-เบา ของแต่ละคนโดยทั่วไปจะรับประทานกัน 1-4 ใบ คนที่มีอาการหน้ามืดตาลายหลังรับประทาน 15 นาทีจะหาย ให้รับประทานติดต่อกัน 7 วัน วันละ 2 ครั้งก่อน อาหาร จากหลักฐานคนไข้รายหนึ่งหลังจากรักษาโรคมะเร็งตับจากยานานาชนิดไม่หาย เมื่อได้รับประทานใบสดของต้นฮว่านง็อกคนไข้มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไม่น่าเชื่อ จากการมีไข้สูงถึง 40 องศา ลดลงเหลือ 37 องศา การเจ็บปวดลดลงมาก ผิวหนังเคยเหลืองก็ลดลง หน้าท้องแฟบลงตัวเบาทำให้คนไข้ลุกขึ้นมาสนทนาได้ ทำไม คนไข้จึงฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหลังจากรับประทานได้ 20 นาที ยาได้ออกฤทธิ์ รับประทาน 5 ใบ จะลดความเจ็บปวดได้ 3 ชั่วโมง รับประทาน 7 ใบ ลดได้ 5 ชั่วโมงเสมือนหนึ่งยาวิเศษเพราะคนไข้โรคตับได้เจ็บป่วยมาถึงวาระสุดท้ายแล้วกลับฟื้นและมีความหวัง ต้นฮว่านง็อกเป็นต้นไม้ใบยาที่มีคุณค่าสูงส่งเป็นของขวัญจากสวรรค์ มอบให้แก่มวลมนุษย์ ก่อนหน้านี้เรียกว่าต้นลิงเพราะพวกลิงอยู่ในป่า เมื่อเป็นอะไรมันจะกินใบ ของต้นไม้ชนิดนี้ ทำให้หายได้ในทุก ๆโรค ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น HOAN-NGOC เนื่องจากมีเด็ก 2 คน ทะเลาะวิวาทและตีกันจนทำให้ลูกอัณฑะหายไป เมื่อรับประทานใบไม้นี้ทำให้ลูกอัณฑะกลับคืนเป็นปกติ

สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2-9-1995 ถ่ายทอดจากต้นฉบับจริง)

1. รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่างกายทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน

2. รักษาเป็นไข้หวัด ความดันโลหิตสูงท้องไส้ไม่ปกติ

3. รักษาอาการมีบาดแผล เคล็ด ขัด ยอก กระดูกหัก

4. รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ

5. รักษาอาการโรคกระเพาะอาหารโรคเลือดออกในลำไส้เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ

6. รักษาอาการคอพอกตับอักเสบ

7. รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น

8. รักษาอาการโรคมะเร็งปอด มีอาการปวดต่าง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทานต่อไป 100-200 ใบ อาการจะหายขาด

9. รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อตาห้อเลือด

10. รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ได้ผลดีช่วยให้มดลูกเข้าอู่

11. รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำโรคประสาทอ่อน ๆ (เพื่อเป็นการสนับสนุนเหตุผลโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งผู้เขียนก็เป็นจึงกินเข้าไปครั้งละ 5 ใบ เช้า-เย็น 1 วัน อาการหน้ามืดหนักหัวหายไป รู้สึกสบายเบาสมอง)

12. สามารถใช้กับสัตว์ได้จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังจากชนไก่แล้ว ต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บให้ไก่กินใบของต้นสมุนไพรฮว่านง็อกจะฟื้นตัวได้เร็ว

รายละเอียดในการใช้รักษาแต่ละโรค

1. โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้งรับประทานติดต่อกันไปจนครบ 50 ใบ

2. โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7-13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำ วันละ 2 เวลา

3. โรคเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่เป็นบิดรับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันไปประมาณ 100 ใบ

4. โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 7 ใบ วันละ 3 ครั้งรับประทานติดต่อกันไปจนครบ 150 ใบ

5. โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำรับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง รับประทานไปจนครบ 30 ใบ

6. อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย

7. ปวดเมื่อยตามร่างกายรับประทาน 7-14 ใบ 2 ครั้ง หาย

8. อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือดรับประทาน 14-21 ใบ โดยการคั้นเอาน้ำข้น ๆ รับประทาน

9. โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3 ใบ ปิดที่ตา เวลานอน 1 คืน จะหาย

10. โรคความดันสูงจะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5-9 ใบ (ผู้เขียนได้ทดลองด้วยตนเองดีสมราคาคุย)

11. แก้โรคเบาหวานผู้ชายรับประทานวันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วัน หาย

12. ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาต์ หรือนิวคาสเซิล ให้ไก่กิน 2-3 ใบไก่ชนหลังจากการชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ (น่าจะประยุกต์ใช้กับสัตว์อื่น ๆได้)

13. สตรีหลังคลอด รับประทานวันละ 1 ใบรับประทานทุกวันจะทำให้ฟื้นสุขภาพได้เร็ว
อนึ่งการรับประทานหรือกินใบสมุนไพร ให้กินก่อนอาหารเสมอ

หลักการบริหาร

หลักการบริหารที่ดีที่สุดเป็นอย่างไร?

หลักการบริหารที่ดีที่สุด "ไม่มี"


แต่หลักการบริหารที่ดีที่สุด "เฉพาะที่" หรือ "เฉพาะกลุ่ม" นั้นมีมากมาย

โดย “หลักการบริหารที่ดี” ควรมีครบทั้ง 8 ขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอน ผมได้สรุป “หัวใจ” ไว้ให้แล้ว (เช่น เพื่อ…..) ไปทำความเข้าใจเอาเองก็แล้วกัน

"หัวใจ" ของการบริหาร อยู่ที่ "จงทำงานให้สำเร็จ โดยอาศัยสิ่งอื่น" ประกอบด้วย 8 ขั้นตอน

1. การวางแผน (Planning) คือ การร่วมมือกับเจ้านายในการจัดวางโครงการและวางแผนปฏิบัติงานต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า ว่าจะต้องทำอะไรบ้างและทำอย่างไร (เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้)

2. การจัดองค์การ (Organizing) คือ การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชาว่าใครจะต้องทำงานใด ขึ้นตรงกับใคร และรายงานผลการปฏิบัติงานกับใคร (เพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง)

3. การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing) คือ การจัดอัตรากำลัง การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การประเมินผล และให้พ้นจากงาน (เพื่อการสร้างคนเก่ง)

4. การอำนวยการ (Directing) คือ การตัดสินใจ การสั่งการ การจูงใจ การสร้างขวัญการทำงาน การประสานงาน และการสื่อสาร (เพื่อการเปลี่ยนแปลงทัศนคติในทางที่ดี)

5. การควบคุม (Controlling) คือ การตรวจสอบการทำงาน ตรวจสอบมาตรฐานในการทำงาน และการปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ (เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ตรงประเด็น)

6. การประสานงาน (Coordinating) คือ การติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานและในหน่วยงาน ให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไปในทิศทางเดียวกัน (เพื่อการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ)

7. การเสนอรายงาน (Reporting) คือ การรายงานผลการปฏิบัติของหน่วยงานให้แก่ผู้บริหารและสมาชิกได้ทราบความเคลื่อนไหว (เพื่อขอการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่)

8. การจัดทำงบประมาณ (Budgeting) คือ จัดสรรการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนวณการใช้งบประมาณไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ เช่น จัดทำตารางรายรับ รายจ่าย หรือกำไร เอาไว้ให้ชัดเจนในอนาคต (เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายให้ต่ำสุด)

ข้อเสนอแนะ

การปกครองคนนั้นมิใช่ง่าย

เพราะคนหมายเสรีเป็นที่ตั้ง

ใช้อำนาจบาดใหญ่ให้เชื่อฟัง

คนอาจชังฟังแล้วทำด้วยจำใจ

มนุษย์สัมพันธ์ของหัวหน้าค่าเป็นหนึ่ง

ต้องลึกซึ้ง ลูกน้องคือเรื่องใหญ่

อย่าปล่อยปละละเลยเฉยเมยไป

ปกครองใครให้อบอุ่นมีคุณธรรม

วาทศิลป์ของหัวหน้าใช่เรื่องเล็ก

เป็นมนต์เสกหัวใจให้ชื่นฉ่ำ

ยินแล้วปลื้มลืมทุกข์สุขลึกล้ำ

เกิดกำลังสร้างสรรค์ขยันงาน

เป็นหัวหน้าทั้งทีเป็นดีไว้

เป็นหลักใจให้ลูกน้องครองสมาน

ประกอบกิจใดก้าวหน้าอ่าโอฬาร

ทั้งเบิกบานรับใช้องค์กรด้วยเต็มใจ

เป็นหัวหน้าบ้าอำนาจขาดคนรัก

คนไม่ปักใจหลงอย่าสงสัย

หัวหน้าดีมิได้นั่งบนหัวใคร

แต่ควรนั่งอยู่ใน "หัวใจคน" (ขอบคุณเจ้าของบทกลอนนี้)